กฎ 10 ประการ เพื่ออยู่รอด

                 กฎ ทั้ง10 ข้อนี้ เป็นหลักการสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการลงทุน เพราะหากไม่มีหลักการดังกล่าวแล้ว เราก็จะไม่สามารถกำหนดการซื้อขายที่เป็นรูปแบบได้ ซึ่งในกฎเหล่านี้จะพูดถึงการวิเคราะห์แนวโน้ม , หาจุดกลับตัว, ติดตามค่าเฉลี่ย, มองหาสัญญาณเตือน และอื่นๆ หากท่านสามารถเข้าใจและ ปฎิบัติตามหลักการเหล่านี้ได้ผมเชื่อว่าท่าน ก็สามารถเอาตัวรอด ด้วยการลงทุนโดยใช้หลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้ครับ
1. ดูแนวโน้ม
เรียน รู้ชาร์ตในระยะยาว โดยเริ่มการวิเคราะห์ชาร์ตในระดับเดือนและสัปดาห์ ของช่วงเวลาหลายๆปี การดูชาร์ตในระดับของช่วงเวลาที่กว้างขึ้นจะทำให้สามารถมองเป็นแนวโน้มของ ตลาดในระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น เมื่อทราบถึงแนวโน้มระยะยาวแล้ว จึงจะดูชาร์ตในระดับวันและนาที การดูแนวโน้มในช่วงสั้นเพียงอย่างเดียวจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ถึงแม้ว่าคุณจะลงทุนในระยะสั้น คุณจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหากคุณลงทุนในทิศทางเดียวกับแนวโน้มในระยะกลางและ ยาว
2. วิเคราะห์และไปตามแนวโน้ม
แนว โน้มของตลาดมีหลายช่วงเวลา ระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น สิ่งแรกคือ คุณต้องรู้ว่าคุณจะลงทุนในระยะเวลาเท่าใด และวิเคราะห์ชาร์ตของช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยที่คุณต้องแน่ใจว่าคุณลงทุนไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มในระยะเวลานั้นๆ ซื้อเมื่อแนวโน้มอยู่ในขาขึ้น และขายเมื่อแนวโน้มอยู่ในขาลง หากคุณลงทุนในระยะกลาง ให้ใช้ชาร์ตในระดับวันและสัปดาห์ ถ้าคุณลงทุนระยะสั้น ให้ใช้ชาร์ตระดับวันและรายนาที อย่างไรก็ตาม ในแต่ละกรณี ให้ดูแนวโน้มของช่วงเวลาที่ยาวขึ้น และใช้ชาร์ตของช่วงเวลาที่สั้นลงในการหาจุดที่จะเข้าซื้อ-ขาย

3. หาจุดสูงสุดและต่ำสุด
วิเคราะห์ แนวรับและแนวต้าน จุดที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อก็คือจุดใกล้แนวรับซึ่งมักจะเป็นจุดต่ำสุดของ รอบการซื้อขายที่แล้ว จุดที่ดีที่สุดสำหรับการขายก็คือจุดที่ใกล้แนวต้าน ซึ่งมักจะเป็นจุดสูงสุดของรอบการซื้อขายที่แล้ว หากมีการเคลื่อนผ่านแนวต้าน แนวต้านนั้นจะกลายเป็นแนวรับสำหรับการปรับตัวลดลง อีกนัยหนึ่ง จุดสูงสุดเดิมกลายเป็นจุดสูงสุดใหม่ และเช่นเดียวกัน ในกรณีที่ราคาทะลุผ่านแนวรับ มักจะมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จุดต่ำสุดเดิมกลายเป็นจุดต่ำสุดใหม่
4. รู้ว่าจะไปไกลแค่ไหนจึงจะกลับตัว
เทียบ อัตราส่วนการขึ้น-ลง เป็นเปอร์เซนต์ โดยทั่วไปตลาดจะมีการกลับตัวทั้งขึ้นและลงตามสัดส่วนเปอร์เซนต์ของแนวโน้ม ของช่วงก่อน คุณสามารถวัดอัตราส่วนของการปรับตัวขึ้นหรือลงของแนวโน้มปัจจุบันได้โดยใช้ อัตราส่วนชุดหนึ่งที่มีการกำหนดค่าไว้แล้ว เช่น การกลับตัวขึ้นหรือลง 50%ของแนวโน้มก่อน เป็นอัตราพื้นฐานที่ใช้กันบ่อย อัตราส่วนต่ำสุดของการวัดการดีดกลับ คือ 1/3 ของแนวโน้มก่อน และอัตราส่วนสูงสุดคือ 2/3 อัตราส่วนที่สำคัญและควรให้ความสนในก็คือ อัตราส่วน Fibonacci 36% และ 62% ดังนั้น เมื่อตลาดมีการพักในช่วงแนวโน้มขาขึ้น จะมีจุดซื้อคืนจุดแรกเมื่อตลาดปรับตัวลง 33-38% ของจุดสูงสุด

5. ใช้เส้นแนวโน้ม
เส้น แนวโน้มเป็นหนึ่งในเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมีเพียงขอบเขตที่เส้นแนวโน้มแสดงและจุด 2 ตำแหน่งบนชาร์ต เส้นแนวโน้มขาขึ้นวาดโดยใช้จุดต่ำสุด 2 จุด ที่อยู่ใกล้กัน และเส้นแนวโน้มขาขึ้นวาดโดยใช้จุดสูงสุด 2 จุดใกล้กัน ราคาของหุ้นมักจะเคลื่อนเข้าใกล้เส้นแนวโน้มก่อนที่จะเคลื่อนกลับเข้าสู่แนว โน้มของมัน หากราคาทะลุผ่านเส้นแนวโน้ม จะแสดงถึงสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้ม เส้นแนวโน้มจะมีผลเมื่อราคาเคลื่อนแตะที่เส้น 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย เส้นแนวโน้มที่ลากได้ยิ่งยาว หมายถึง จำนวนครั้งมากขึ้นของการทดสอบเส้นแนวโน้ม และยิ่งทำให้เส้นแนวโน้มมีความสำคัญมากขึ้น

6. ติดตามค่าเฉลี่ย
หมาย ถึงการเคลื่อนไหวของเส้นค่าเฉลี่ย ซึ่งจะบอกถึงราคาเป้าหมายที่จะซื้อและขาย เส้นค่าเฉลี่ยเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าราคาอยู่ในแนวโน้มเช่นใดและช่วยยืนยัน สัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม อย่างไรก็ตาม เส้นค่าเฉลี่ยไม่ใช่เครื่องมือที่จะบอกล่วงหน้าว่าแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยน รูปแบบของการใช้เส้นค่าเฉลี่ยที่เป็นที่นิยมคือการใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นเพื่อหาจุดซื้อ-ขาย ค่าที่นิยมใช้สำหรับค่าเฉลี่ยที่ใช้คู่กันคือ 5 วันและ10 วัน, 10 วันและ25วัน, 25 วันและ 50 วัน สัญญาณซื้อ-ขายเกิดขึ้นเมื่อเส้นที่มีค่าเฉลี่ยสั้นกว่าตัดกับเส้นที่ ยาวกว่า หรือ เมื่อราคาเคลื่อนผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน เนื่องจากเส้นค่าเฉลี่ยต่างๆเป็นดัชนีที่เคลื่อนไปตามแนวโน้ม การใช้เส้นค่าเฉลี่ยจึงเหมาะสำหรับตลาดที่ในช่วงที่มีแนวโน้มที่ชัดเจน

7. รู้ถึงจุดที่ตลาดกลับตัว
Oscillators (เครื่องมือที่มีตัวเลข ตั้งแต่ 0 ถึง 100) เป็นดัชนีที่ช่วยชี้บอกจุดที่มีการซื้อหรือขายมากเกินไป ในขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยจะช่วยยืนยันว่าตลาดการเปลี่ยนแนวโน้ม Oscillators จะช่วยเตือนล่วงหน้าว่าตลาดเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งมากเกินไป และทำให้เกิดการกลับตัว Oscillators ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Relative Strength Index (RSI) และ Stochastics ทั้งสองตัวนี้จัดเป็นเครื่องมือที่เรียกว่า Oscillators เพราะให้ค่าที่อยู่ในช่วง 0 ถึง 100 เมื่อ RSI มีค่าเกิน 70 จะแสดงถึงการซื้อที่มีมากเกินไป (Overbought) และ ต่ำกว่า 30 แสดงถึงการขายมากเกินไป (Oversold) ค่า Overbought และ Oversold สำหรับ Stochastics คือ 80 และ 20 นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้ค่า 14 วันหรือสัปดาห์สำหรับการคำนวณ Stochastics และ 9 หรือ 14 วันหรือสัปดาห์สำหรับ RSI สัญญาณกลับตัวที่เกิดใน Oscillators จะเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดกำลังจะกลับตัว เครื่องมือเหล่านี้ใช้ได้ดีเมื่อตลาดอยู่ในช่วงที่เหมาะกับการเล่นเก็งกำไร และไม่แสดงแนวโน้มที่ชัดเจน สัญญาณในระดับสัปดาห์สามารถนำมาใช้ช่วยในการขจัดสัญญาณหลอกและยืนยันสัญญาณ ในระดับวัน และใช้สัญญาณระดับวันสำหรับยืนยันสัญญาณในรายนาที

8. มองเห็นสัญญาณเตือน
Moving Average Convergence Divergence (MACD) เป็นดัชนีวัด (พัฒนาโดย Gerald Appel) ที่รวมเอาระบบการตัดผ่านของเส้นค่าเฉลี่ยและการชี้จุด Overbought/Oversold ของ Oscillators ไว้ด้วยกัน สัญญาณซื้อจะเกิดเมื่อเส้นที่เร็วกว่าตัดขึ้นเหนือเส้นที่ช้ากว่า โดยที่ทั้ง 2 เส้นอยู่ต่ำกว่าศูนย์ สัญญาณขายเกิดเมื่อเส้นที่เร็วกว่าตัดลงต่ำกว่าเส้นที่ช้ากว่าที่เหนือ ศูนย์ สัญญาณในระดับสัปดาห์จะมีน้ำหนักและความสำคัญมากกว่าสัญญาณในระดับวัน MACD histogram ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่ง แสดงถึงส่วนต่างระหว่าง MACD ทั้งสองเส้น สามารถส่งสัญญาณเตือนว่าจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มได้เร็วกว่าอีกด้วย

9. เป็นแนวโน้มหรือไม่เป็นแนวโน้ม
Average Directional Index (ADX) เป็นดัชนีที่จะบอกว่าตลาดอยู่ในช่วงที่มีแนวโน้มหรือไม่ และเป็นตัวช่วยวัดว่าแนวโน้มนั้นอยู่ในระดับใด เส้น ADX ที่ชี้ขี้นแสดงถึงแนวโน้มที่มีความชัดเจนมาก ควรใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการวิเคราะห์ หากเส้น ADX ปรับตัวต่ำลง แสดงถึงตลาดที่ไม่มีแนวโน้มและเหมาะสำหรับเก็งกำไรระยะสั้น ควรใช้ Oscillators ในการวิเคราะห์ การใช้ ADX ช่วยนักลงทุนในการวางแผนกลยุทธ์การลงทุนและในการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม กับสภาวะตลาด

10. รู้จักการดูสัญญาณเพื่อยืนยันแนวโน้ม
สัญญาณ ที่ให้การยืนยันรวมถึงปริมาณการซื้อขายและจำนวนการซื้อขายที่มีการลงทุนจาก ผู้ที่เข้ามาซื้อขายใหม่ (open interest) ทั้ง 2 ตัวนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการยืนยันแนวโน้มสำหรับตลาดล่วงหน้า ปริมาณการซื้อขายมักจะส่งสัญญาณกลับตัวก่อนที่ราคาจะกลับตัว สิ่งสำคัญคือจะต้องมั่นใจว่ามีปริมาณการซื้อขายอย่างหนาแน่นในทิศทางเดียว กับแนวโน้มปัจจุบัน ในแนวโน้มขาขึ้น ควรมีปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นเพื่อยืนยันว่าแนวโน้มนั้นยังแข็งแรงอยู่ ส่วน open interest ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะช่วยยืนยันว่ามีเงินไหลเข้ามาต่อเนื่องและช่วยหนุนให้แนว โน้มปัจจุบันคงอยู่ หาก open interest ลดลง ย่อมเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มนั้นใกล้สิ้นสุดลง ดังนั้นราคาที่มีแนวโน้มสูงขึ้นควรจะมีปริมาณซื้อขายและ open interest หนุนอยู่ด้วย

ปัจจัยการเปลี่ยมแปลงค่าเงิน

ปัจจัยแรก อัตราดอกเบี้ย โดยจะมีสองส่วนด้วยกันที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รายได้จากดอกเบี้ย และการเพิ่มขึ้นของเงินทุน จากปัจจัยนี้ จะเห็นว่า ทุกๆ สกุลเงินในโลก มีอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งจูงใจในการเคลื่อนไหว ซึ่งอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวกำหนดโดยธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ ถ้าหากให้ปัจจัยอื่นๆ คงที่ โดยปกตินักลงทุนจะกู้ยืมเงินจากประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อไปลงทุนในประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อธุรกรรมว่า The Carry trade ซึ่งผลที่ได้คือ กำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และได้กำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน จากการที่สกุลเงินของประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า มักมีแนวโน้มที่จะแข็งค่า

ปัจจัยต่อมา การเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากปัจจัยนี้จะสะท้อนได้ว่า ประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่า หรือมีอัตราการขยายตัวที่ดีกว่ามีแนวโน้มที่ธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยยับยั้งการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อ และจากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเป็นตัวดึงดูดกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามา และอุปสงค์ของเงินที่ค่อนข้างมากจะทำให้มูลค่าของเงินมากขึ้นด้วยนั่นเอง

ตัวเลขเศรษฐกิจ ที่มีอิทธิพลต่อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ มีดังนี้
1. Non-Farm Employment Change (ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร)
2. Consumer Price (อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค)
3. Retail Sales (ตัวเลขค้าปลีก)
4. Consumer Confidence (ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค)
5. ISM Manufacturing (ดัชนีวัดการผลิตภาคอุตสาหกรรม)

ผลสรุป ตัวเลขเศรษฐกิจที่ตลาดได้ให้ น้ำหนัก และ มีผลต่อความผันผวนมากที่สุด คือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการ เกษตร (Non-Farm Employment Change) และ อัตราว่าง งาน (Unemployment rate) โดยพิจารณาจากทั้งความผันผวน ของ VIX Index และ ดัชนีดาวโจนส์

ปัจจัยที่สาม ภูมิศาสตร์การเมือง ความเสี่ยงทางเสถียรภาพทางการเมืองเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนต่างกังวล เนื่องจากกลัวว่าจะก่อให้เกิดอุปสรรค และความเสี่ยงต่อเงินทุน จึงมักจะโยกเงินลงทุนออกไปก่อนจนกว่าจะเห็นความชัดเจน และมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาทางการเมืองยังเป็นปัญหาที่จะฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อมายังค่าเงินตามปัจจัยข้างต้นที่ได้กล่าวถึงอีกด้วย

ปัจจัยที่สี่ การค้าและกระแสเงินทุน ในส่วนนี้ ควรแยกพิจารณา ว่าระหว่างรายได้จากการค้าระหว่างประเทศ กับกระแสเงินทุนจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุน มีผลต่อมีปริมาณกระแสเงินทุนไหลเข้าออกของประเทศมากน้อยแค่ไหน และอะไรมีผลมากกว่า เพราะทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนจะการเคลื่อนไหวไปตามผลกระทบนั้นมากกว่า

ปัจจัยสุดท้าย การควบรวมกิจการของธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญน้อยที่สุดในการตัดสินใจทิศทางค่าเงินในระยะยาว แต่มีประสิทธิภาพมากสำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินในระยะสั้น เนื่องจากเมื่อมีบริษัทในประเทศหนึ่ง จะซื้อสินทรัพย์ของบริษัทในอีกประเทศหนึ่ง ก็จะมีความจำเป็นที่ต้องแลกเงินเป็นสกุลเงินนั้นเพื่อใช้ในการชำระสินทรัพย์ดังกล่าว จากเหตุการณ์นี้จะทำให้ตลาดคาดการณ์ความผันผวนในระยะสั้นได้ว่า ค่าเงินสกุลที่เป็นที่ต้องการจะปรับตัวแข็งค่า

จากปัจจัยทั้ง 5 ประการที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เขียนหวังว่าผู้อ่านคงได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นของการเคลื่อนไหวในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน สามารถเชื่อมโยงกับความเป็นไปที่เกิดขึ้นกับตลาดการเงินต่างๆ ได้ และสนุกกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินอยู่ตลอดเวลา

ข้อแนะนำมือใหม่

1.พยายามพัฒนากลยุทธในการเทรดและต้องแน่ใจว่ามันทำงานได้ดีกับข้อมูลในอดีต จากนั้นต้องแน่ใจว่ามันทำงานได้ดีในเดโมแอคเค้าท์ และสุดท้ายต้องแน่ใจว่ามันทำงานได้ดีในแอคเค้าท์จริงด้วยปริมาณล็อตน้อยๆ จากนั้นถ้ามันทำงานได้ดีคุณสามารถนำมันมาใช้งานจริงกับปริมาณการเทรดที่ใหญ่ขึ้น การเทรดที่ไม่มีกลยุทธจะทำให้ไม่สามารถมีกำไรในระยะยาวได้

2.เมื่อคุณเทรด คุณจะต้องพิจารณาแนวโน้มของเทรนในปัจจุบันเสมอ ซึ่งมันขึ้นกับทามเฟรมที่คุณใช้ เช่น ระยะวันหรือระยะเดือน เป็นต้น ถ้าตลาดอยู่ในสภาวะที่มีแนวโน้ม คุณจะต้องเปิดเทรดตามแนวโน้มนั้น ห้ามเปิดเทรดสวนแนวโน้มนั้น และถ้ามันไม่มีแนวโน้ม คุณสามารถเทรดได้ทั้งสองทิศทางด้วยการขีดเทรนไลน์ในลักษณะ Channel

3.ก่อนที่คุณจะเทรดในทามเฟรมนั้นๆ คุณจะต้องตรวจสอบทามเฟรมที่มีขนาดใหญ่กว่าเสมอ เช่น ถ้าคุณเทรดระหว่างวัน คุณจะต้องตรวจสอบทามเฟรมระยะเดย์ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้เทรดสวนทามเฟรมระยะเดือน

4.ใช้ทามเฟรมขนาดเล็กเพื่อหาจุดเข้าจุดออกที่ดีที่สุด ถ้าคุณเทรดทามเฟรม 1 ชั่วโมง ใช้ทามเฟรม 15 นาที เพื่อหาจุดเข้าจุดออกที่ดีที่สุด ถ้าคุณเทรดทามเฟรมระยะวัน คุณควรใช้ทามเฟรม 1 ชั่โมงในการหาจุดเข้าและจุดออกที่ดีที่สุด

5.เรียนรู้วิธีการบริหารความเสี่ยง เพราะถ้าคุณไม่บริหารความเสี่ยงและเทรดมากจนเกินไป เมื่อทุนคุณหมด คุณก็จำเป็นที่จะต้องออกจากธุรกิจนี้อย่างทันที นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณไม่ควรเสี่ยงเกิน 5ของพอร์ต และสำหรับทริปนี้ ผมแนะนำว่าคุณไม่ควรที่จะเทรดเกิน 2-3% ของพอร์ต

6.เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ของคุณ เมื่อคุณเปิดและปิดโพซิชันของคุณบนพื้นฐานของอารมณ์ไม่ใช่บนพื้นฐานของระบบที่ได้บอกคุณ เมื่อนั้นคุณจะเริ่มเสียเงิน เช่นเดียวกันถ้าคุณชนะติดๆกันคุณก็จะเริ่มคิดว่าคุณเองคือผู้วิเศษ และละทิ้งระบบของคุณซึ่งจะนำไปสู่การสูญเสียเงินครั้งใหญ่ ดั้งนั้นคุณจะต้องทำใจให้สงบ ไม่ว่าคุณจะเทรดได้หรือเสีย หลังจากการเทรดที่พ่ายแพ้ ไม่นานคุณก็จะได้พบกับการเทรดที่ได้รับชัยชนะ ซึ่งจะชดเชยการสูญสียที่มีมาก่อนหน้านั้น

7.กลยุทธในการเทรดควรจะเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และบุคลิกภาพของคุณ ถ้าคุณมีเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน คุณควรเลือกเทรดในทามเฟรมขนาดใหญ่ เช่น ระยะวันหรือระยะเดือน ถ้าคุณไม่สามารถรอคอยการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ได้คุณควรเทรดในทามเฟรมขนาดเล็ก เช่น 5-15 นาที ถ้าคุณต้องการเวลาหลายชั่วโมงในการตัดสินใจ คุณควรเลือกทามเฟรมขนาดใหญ่ และเทรดในแนวโน้มระยะยาว

8.ถ้าคุณกำลังสงสัยหรือไม่แน่ใจในตลาด คุณควรงดจากการเทรด การที่คุณหยุดเทรดจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเสียเงินได้ และเตรียมความพร้อมที่จะทำกำไรก้อนใหญ่เมื่อมีเทรนปรากฏขึ้น

9.ใช้จุดตัดขาดทุนหรือการเฮดจ์เสมอ เมื่อคุณอยู่ตรงข้ามกับแนวโน้มคุณควรตัดขาดทุนหรือเฮดจ์เพื่อรักษาเงินทุนของคุณไว้อย่าเสี่ยงเงินของคุณทั้งหมดเพียงเพื่อการเทรดเพียงแค่ครั้งเดียว

การเข้าTrade ที่ดี

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้า Trade

สำหรับเทรดเดอร์ forex จำนวนมาก ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัน คือ ในช่วงเวลาตลาด Asian คู่เงินของยุโรป เช่นEUR/USD แสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมที่สุด


เราได้วิเคราะห์บัญชีจริงของลูกค้า FXCM กว่า 12 ล้านบัญชี และเราได้พบว่าเทรดเดอร์สามารถทำกำไรและขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญตามช่วงเวลาของวัน จากข้อมูลพบว่าเทรดเดอร์จำนวนมากเป็นเทรดเดอร์แบบ Range Trader ซึ่งความสำหร็จและความล้มเหลวของเขาจะขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาด ในความเป็นจริงปัญหาของสไตล์การเทรดแบบนี้ คือการเทรดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม

เทรดเดอร์ forex จำนวนมากประสบความสำเร็จในช่วงเวลาหลังจากตลาด US ,ตลาด Asian หรือช่วงต้นของตลาดยุโรป ซึ่งอยู่ในช่วง 2 PM ถึง 6 AM Eastern Time (นิวยอร์กซึ่งก็คือ 7 PM ถึง 11 AM ของ UK Time
 

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นล่ะ เราได้จดบัญทึกจากเทรดเดอร์กว่าพันคน กราฟด้านล่างจะแสดงให้เห็นถึแนวโน้มของลูกค้าFXCM จากปี 2009 – 2010 กราฟแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของเทรดเดอร์ และแสดงคู่เงินที่เป็นที่นิยม 5 คู่

 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Chart_3.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?



สถิติการทำกำไรภายในวันอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน แต่รูปแบบในระยะยาวจะมีความเสถียร แล้วแต่ละช่วงเวลาของวันมีผลอย่างไรต่อการทำกำไรของเทรดเดอร์ล่ะ 


คุณจะสามารถสังเกตเห็นในช่วงเวลาที่เทรดเดอร์มีประสิทธิภาพคือเส้นแนวโน้มพุ่งขึ้นกับชั่วโมงการเทรดที่มีความผันผวนต่ำ จะเห็นได้ว่าเทรดเดอร์มีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้ดีในช่วงเวลาของตลาด Asian และกราฟด้านล่างจะแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของเงินสกุลยูโรมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวน้อยกว่าเมื่อผานช่วงเวลานี้ไป

 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Picture_4.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?



กลยุทธ์ Range trading หมายถึงกลยุทธ์ที่ ซื้อถูก/ขายแพง ถ้าค่าเงินตกลงมาและอยู่ใกล้กับแนวรับที่มีนัยสำคัญ เทรดเดอร์ก็จะซื้อ และเช่นกันเมื่อค่าเงินวิ่งขึ้นไปเทรดเดอร์ก็จะขาย กลยุทธ์นี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวรับและแนวต้านผ่านไปได้

และแน่นอนว่าถ้าราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านออกไปเทรดเดอร์ต้องแย่แน่ๆ เราจะหลีกเลี่ยงสภาวะตลาดที่แย่สำหรับสไตล์การเทรดแบบนี้ได้อย่างไร ?


มีตัวชี้วัดหรือไม่ว่าชั่วโมงไหนควรซื้อขาย ?

แน่นอน ,มีตัวชี้วัดมากมาย

เรามีโมเดลที่จะใช้ในการเทรด โดยเราได้ทดลองประสิทธิภาพในการเทรดคู่เงิน EUR/USD ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 ปี แต่ผลที่ออกมานั้นไม่ดีเลย



When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Chart_2.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?

กฎในการเทรดด้วยกลยุทธ์ RSI

กฎการซื้อเมื่อ RSI ตัดเหนือ 30

กฎการขายเมื่อ RSI ตัดต่ำกว่า 70


ตอนนี้ปัจจัยด้านเวลากลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เรารู้ว่าแนวโน้มของค่าเงินยูโรจะไหวน้อยลงเมื่อผ่านชั่วโมงหลักไป ต่อไปเราจะใช้ประโยชน์จากการเทรดในชั่วโมงที่มีความผันผวนต่ำ

กราฟต่อไปเราจะมาเปรียบเทียบ 2 กลยุทธ์ แต่จะต่างกันที่เส้นสีเขียวจะไม่เทรดในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงของแต่ละวัน คือ 6 AM ถึง 2 PM Eastern time (11 AM ถึง 7 PM London time)



 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Object_8.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?

กฎในการเทรดด้วยกลยุทธ์ RSI เฉพาะช่วงเวลา Asian

กฎการซื้อเมื่อ RSI ตัดเหนือ 30

กฎการขายเมื่อ RSI ตัดต่ำกว่า 70


แล้วคู่เงินอื่นล่ะเป็นอย่างไร ?

 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Picture_9.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?


เราได้ทดลองเช่นดียวกันกับคู่เงิน USD/JPY แต่ปรากฏว่าได้ผลที่แย่


 When_is_the_Best_Time_of_Day_to_Trade_Forex_body_Chart_10.png, When is the Best Time of Day to Trade Forex?


เราพบว่าตัวกรองเวลาได้จะได้ผลดีกับค่าเงินสกุลยูโร เช่น EUR/USD และ USD/CHF และตัวกรองเวลายังทำงานได้ดีกับGBP/USD  ซึ่งเราอาจจะต้องเทรดในช่วง 2 PM ถึง 6 AM

โชคร้ายการใช้ตัวกรองเวลาของเราไม่เหมาะกับค่าเงิน  Asian ซึ่งการทดสอบของเรากับค่าเงิน  USD/JPY AUD/USDและ NZD/USD ไม่สามารถที่จะทำให้กราฟเงินทุนเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุที่ว่าคู่เงินเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวมากในช่วงเวลาของตลาด Asian


การวางแผน

เราจะเทรดค่าเงินยูโรในช่วงเวลาที่มีความผันผวนต่ำด้วยกลยุทธ์ Rang trading ในช่วงเวลา 2 PM ถึง 6 AM Eastern time(11 AM ถึง 7 PM London time)

Forex ผิดกฎหมายหรือไม่

เล่น Forex ในไทยผิดกฏหมายหรือไม่???

หลายท่านอาจสงสัยว่าการเล่น Forex นั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ผิดทำไมบ้านเราถึงยังไม่มี Broker ที่ไหนให้บริการ ในความเป็นจริงแล้วการลงทุนใน Forex นั้นรัฐบาลไทยอนุญาติให้กับสถาบันการเงินใหญ่ๆ เท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า Forex เป็นแหล่งการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ประชาชนที่ไม่มีความรู้ที่เพียงพออาจเสียเงินทองจำนวนมากได้ และในอดีตมีข่าวทางด้านลบเกี่ยวกับบริษัทบางแห่ง เปิดให้บริการลูกค้าลงทุนใน Forex ในวงเงินที่สูง แต่กลับนำเงินไปรับความเสี่ยงเอง หรือทำตัวเป็นเจ้ามือเสียเอง ไม่ได้กินค่านายหน้าอย่างเดียว จนเมื่อลูกค้าทำกำไรได้มากๆ ก็ไม่สามารถจ่ายได้จนปิดบริษัทหนีไป ทำให้ Forex กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าลงทุน ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้ให้ห่างไกลจากประชาชน ซึ่งทำให้ประชาชนตาดำๆ อย่างเราถูกตัดโอกาสในการลงทุน ที่มหาเศรษฐีระดับโลกใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุนชั้นเยี่ยมของเขา

ปัจจุบันการลงทุน Forex ของประชาชนทั่วไปยังถือว่าผิดกฎหมาย ทั้ง Broker ที่เปิดให้ลงทุนในประเทศไทย และผู้ลงทุนที่โอนเงินไปลงทุนกับ Broker ในต่างประเทศ โดยรัฐบาลกลัวว่าจะเป็นช่องทางที่จะนำเงินนอกระบบไปฟอกเงินนั่นเอง สำหรับท่านที่ลงทุนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเพิ่มทักษะทางการลงทุนคงไม่จำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องนี้มาก หากแต่ท่านที่ลงทุนเงินเป็นจำนวนมาก คงต้องคิดถึงความเสี่ยงด้านนี้ด้วย เนื่องจากการนำเงินกลับเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมากทางธนาคาร อาจทำให้ ปปง. เพ่งเล็งท่านได้ ตอนนี้ทำอะไรก็ตามแต่ ต้องโปร่งใส และพิสูจน์ไม่ได้ครับ แล้วท่านจะห่างไกลจากการตรวจสอบของรัฐบาลไทย ที่ยังเกรงว่าประชาชนของพวกเขาจะโดนหลอก จึงปิดกั้น แทนที่จะให้ความรู้ 

สมัครเปิดบัญชี Exness




Exness โบรคเกอร์ที่คน Asia เชื่อถือมากที่สุด และดีที่สุดในรัสเซีย
  • เป็นโบรกเกอร์ที่มีความเรียบง่าย  การยืนยันบัญชีระบบ SMS ฟรี  จึงมีความปลอดภัยสูง 
  • Laverage 1:2000  ฝากขั้้นต่ำ 1 $   
  • การโอนเงินกลับเป็นระบบอัตโนมัติ  รวดเร็วใช้เวลาโอนกลับ ตั้งแต่ 1 นาที - 1 ช.ม. รวดเร็วทันใจ ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่โอนกลับ 
  • นักลงทุนสามาถรถอนเงินกลับได้ทุกวัน เสาร์ - อาทิตย์ ก็ถอนได้  ขั้นต่ำ 1 $  อิสระทางการเงิน
  • การเปิดบัญชี Exness  สามารถเปิดบัญชีได้ไม่จำกัด แต่ทุกครั้งที่เปิดบัญชีต้องยืนยันเอกสารใหม่ทุกครั้ง  ใช้เบอร์โทรศัพท์เดิม เอกสารเดิม





 





 
   














 

 


เรียบร้อยครับ 

หลังจากเปิดบัญชีแล้วเราสามารถทำการเทรดและสามารถฝาก-ถอนเงินได้เลย 
แต่ถ้าต้องการถอนเงินจำนวนมาก โบรกเกอร์จะให้เรายืนยันตัวตนครับ มีวิธีการดังนี้



เอกสารสำหรับใช้ยืนยันตนเอง ( Scan เอกสารเป็นไฟล์ดิจิตอลก่อนแล้วค่อยส่งนะครับ )


  • เอกสารประจำตัว (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)


  • บัตรประชาชนรุ่นใหม่ที่มีชื่อภาษาอังกฤษ Thai National ID Card หรือ
  • หนังสือเดินทาง Passport

  • บิลต่าง ๆ ที่เป็นชื่อของคุณเองและตรงกับหนังสือเดินทาง หรือบัตรประชาชน (ที่อยู่ไม่ตรงก็ได้แต่ชื่อต้องตรงและเป็นที่อยู่ปัจจุบัน) (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
  • บิลค่าน้ำประปาค่าไฟ บัตรเครดิต จากธนาคาร ,ค่าสาธารณูปโภคต่างที่เป็นของรัฐ หรือเอกชนที่ต่างชาติยอมรับ


ขั้นตอนการยืนยันตัวตนกับ EXNESS

1 . การยืนยัน ID ส่วนบุคคล


2 . การยืนยันที่อยู่ส่วนบุคคล


เสร็จแล้วง่าย ๆ รอการพิจารณาประมาณ 24 ชั่วโมง 







วิธีฝากเงินทางห้างโลตัส

วิธีฝากเงินเข้าบัญชีซื้อขายหุ้นทางช่องชำระเงินห้างLotus (และโลตัสสาขาย่อย)

1.ล็อกอินเข้าเว็บโบรกเกอร์exnessผ่านลิ้งนี้ https://www.exness.com/intl/th/member



2.เลือกAdd funds(การฝากเงิน)




ระบุจำนวนเงินที่ท่านต้องการใส่ไว้ในบัญชีเทรด


3.ระบบจะเปลี่ยนเงินของท่านเป็นเงินดอลล่า



4.ตรวจสอบความถูกต้อง



5.ปริ้น หรือใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้แล้วนำไปให้พนักงานคิดเงินช่องชำระเงินห้างโล ตัส(ได้ทั้งสาขาย่อยและสาขาใหญ่) คลิ๊กdoneไปเรื่อยๆจนกว่าจะกลับสู่หน้าของโบรกเกอร์Exness